[ #โบ๊ะบ๊ะแฟมิลี่ #เอกกล้า ] - ความเคยชิน
: ความเคยชิน
: #เอกกล้า #ยัยหนูกล้า
: ต่อให่ใครว่าเรือเราล่ม ไม่มีทางค่ะ ต่อให้เรือเราหรือแต่ซากไม้ชิปเปอร์อย่างเราก็ยังคงแข็งแกร่ง
: ยัยหนูอยู่บ้านพี่เอกจริงๆนะ เล่นคอมพี่เอกด้วย โน๊ตบุ๊คพี่แกน้องก็เอามาใช้ โมเมนต์ขนาดนี้นี่กร๊าวใจไปอีกเป็นปี
(เครดิตภาพ:@cigarettes_time)
ขึ้นชื่อว่าน้องอะนะ
ต่อให้มันโตแค่ไหนในสายตาเราก็ยังจะมองว่าเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆอยู่ดี
ยกตัวอย่างเช่นไอ้เด็กนี่ไอ้เด็กที่อายุยี่สิบกว่าขวบ
สวนสูงเกือบเท่าตัวเองแต่ความหนาของขนาดตัวนี่ห่างกันเยอะมาก
ไอ้เด็กที่นอนซุกผ้าห่มอยู่ข้างๆโผล่มาแค่หัวกับช่วงจมูก ผมสีดำสนิทตัดกับสีของปอกหมอน เอาจริงๆนะ
น้องมันไม่ได้หน้าตาหน้ารักอะไรหรอก
ไม่ได้หน้าขาวปากชมพูตัวเล็กๆแบบสเปคผู้ชายที่ไหน
คือมันก็เหมือนเด็กผู้ชายธรรมดาทั่วไปที่มีดีแค่สูงกับผอม
ไม่มีความหน้าเกาหลีอินเตอร์อะไรทั้งนั้น
แต่สิ่งที่ทำให้หลายๆคนชอบกลับไม่ใช่หน้าตาหรือรูปลักษณ์ภายนอกอะไร
แต่กลับเป็นนิสัยซนๆกับความอะเลิทแทบจะตลอดเวลาของน้องมันมากกว่า
มันมีนิสัยที่เวลาใครได้คุยด้วยก็จะเผลอเอ็นดูไปโดยไม่ทันตั้งตัว
ปกติถ้าอยู่กับพี่ๆจะคึกมากกว่าปกติ
แต่ถ้าอยู่กับคนแปลกหน้าหรืออยู่ตนเดียวเมื่อไหร่นี่แทบจะเปลี่ยนเป็นคนละคน
ความมั่นใจในตัวเองนี่แทบไม่เหลือ จะมีแค่ไอ้เด็กที่ทำหน้ามึนๆเหมือนเด็กหลง
สายตาตื่นตระหนกกับการพูดจาแทบไม่เป็นคำ
แต่ดูรวมๆแล้วมันกลับเป็นอะไรที่โคตรน่าเอ็นดู
นึกถึงชื่อใหม่ที่แฟนคลับของน้องมันเรียกขึ้นมาเลย “ยัยหนู” เหรอ
ฟังแล้วดูเป็นอะไรที่ดูนุ่มนิ่มน่าบีบน่าหมันเขี้ยวซะจริงๆ
เหลือบไปมองนาฬิกาที่ปาเข้าไปเที่ยงกว่าเข้าไปแล้วแต่พอเห็นหน้าไอ้ตัวแสบที่ยังหลับพริ้มแบบนี้จะปลุกก็ดูจะเป็นอะไรที่โหดร้ายไปซักนิดสำหรับน้องมันเลยได้แต่พาร่างตัวเองลุกขึ้นจากเตียงไปล้างหน้าแปรงฟันแล้วหาอะไรง่ายๆทำกินเป็นอาหารเที่ยง แอบได้ยินเมื่อคืนว่าไอ้เด็กแสบมันอยากกินกระเพาหมูทำให้น้องมันกินซักหน่อยคงไม่เสียหายอะไร
กว่าจะจัดการอะไรเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบบ่ายโมงถึงได้เวลาไปปลุกไอ้ตัวแสบ
น้องมันตื่นง่ายนะ แต่สะกิดไม่กี่ทีก็ตื่นลุกมาทำหน้ามึนๆทใส่
ผ้าห่มที่คลุมหัวอยู่หล่นไปกองอยู่บนตัก
ผมเผ้าชีฟูไม่เป็นทรงกับตาตีบๆที่ยังคงปิดสนิท
มันไม่เหมือนแบบในนิยายรักที่เคยอ่านนะไอ้ที่แบบตื่นมาแล้วยังดูน่ารักอะไรพวกนั้น
คนตื่นนอนะอ่ะ หน้ามันๆผมกระเซอะกระเซิง เสื้อผ้ายับยู่ยี่ แทบไม่มีอะไรดูดีซักอย่าง
แต่ที่มันทำให้ผมยิ้มได้คือการที่เห็นไอ้ตัวแสบพยายามปรือตาสู้แสงที่รอดผ่านผ้าม่านเข้ามาต่างหาก
อยากเอากล้องมาถ่ายรูปเก็บเอาไว้จริงๆ
“ไปล้างหน้าไป พี่ทำกระเพาหมูไว้ให้กิน”พูดพลางยื้อผ้าห่มออกจากไอ้เด็กน้อยบนเตียงแล้วลากมันไปที่ห้องน้ำ
จัดการบีบยาสีฟันใส่แปรงอันใหม่พร้อมยัดใส่มือเล็กๆของน้องมัน
ไอ้คนถูกกระทำก็ไม่ได้มีท่าทีขัดขืน
ส่งแปรงสีฟันเข้าปากทั้งที่ตายังคงปิด ไอ้คนเป็นพี่แบบผมก็ได้แต่ยืนมองว่าน้องมันจะหลับกลางอากาศรึป่าว พอหายห่วงแล้วถึงปล่อยให้น้องมันจัดการตัวเองไป
เวลาช่วงบ่ายผ่านไปอย่างไม่ค่อยมีอะไร
กินข้าวกันเสร็จก็นั่งทำนู้นทำนี่ไปเรื่อย
พอเบื่อๆก็มานั่งเล่นเกมด้วยกันพอตกเย็นก็พากันออกไปหาอะไรกินข้างนอก
เป็นแบบนี้อยู่หลายวันจนรู้สึกเหมือนเป็นความเคยชิน
ชินกับการที่ตื่นมาเจอก้อนผ้าห่มขดตัวอยู่ข้างๆ
ชินกับการทำกับข้าวให้ใครบางคนกิ ชินกับการต้องมานั่งดูแลไอ้เด็กแสบที่วันดีคืนดีเกิดคึกอยากทำอะไรก็ทำ
อยากจะอ้อนก็อ้อน
แค่คิดว่าหลังจากน้องมันกลับไปต้องอยู่คนเดียวนี่คงรู้สึกแปลกๆน่าดู
“กล้ากลับบ้านเมื่อไหร่”ลองถามออกไปตอนเห็นน้องมันนั่งเล่นเกมอยู่หน้าคอม
เหมือนน้องมันจะไม่ได้ยินเสียงผมด้วยซ้ำเพราะยังเอาแต่สนใจเกมตรงหน้า
ผมนั่งมองไอ้แสบที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ของผม
ปกติเวลานั่งก็ว่าเก้าอี้มันพอดีตัวนะ แต่ทำไมพอน้องมันนั่งพื้นที่ถึงเหลือเยอะนาดนั้นก็ไม่รู้แทบจะนั่งขัดสมาธิบนนั้นได้เลยด้วยซ้ำ
คิดไปคิดมาก็ได้แต่หลุดขำกับตัวเอง ทิ้งตัวนอนลงบนโซฟาใกล้ๆคอม
มองน้องมันเล่นเกมไปเพลินๆ
เสียงกดคีย์บอร์ดคลอไปกับเสียงบ่นเกรียนๆที่ภาษาตีกันมั่วไปหมด
ไม่อยากให้ไอ้แสบมันกลับบ้านเลย คงคิดถึงน่าดู
“กล้า พี่ส่งแม่พี่ไปขอกล้าดีไหม
เหมือนพี่จะติดกล้าเลยว่ะ”ผมพูดออกมาเพราะรู้ว่ายังไงน้องมันคงไม่ได้สนใจฟัง
พึมพรำกับตัวเองไปเรื่อยจนไม่ทันสังเกตเสียงรัวคีย์บอร์ดที่หยุดไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่เห็นล้อเก้าอี้มันเริ่มขยับถอยหลังเข้ามาใกล้ๆจนเกือบจะชนโซฟาแต่ดีที่ผมลุกขึ้นมาเอาแขนยันไว้ทัน
หมุนเก้าอี้ให้ไอ้ตัวแสบหันมาเผชิญหน้า ก่อนจะเท้ามือไว้กับพนักวางแขนทำให้กลายเป็นว่ากักตัวน้องมันเอาไว้บนเก้าอี้โดยสมบูรณ์
“ทำหน้าแบบนี้คืออะไร”แกล้งถามเด็กที่ทำหน้าตาตื่นตอนที่ผมค่อยๆโน้มตัวลงไปใกล้ๆ
“มะ..เมื้อกี้พูดพูว่าไรนะ”ไอ้เด็กแสบที่ปกติพูดเจื้อยแจ้วตอนนี้กลับพูดไม่แทบไม่ได้สับ
ได้แต่นึกเอ็นดูกับท่าทางแบบนั้นก่อนจะปล่อยมือออกจากเก้าอี้แล้วกลับไปนั่งดีๆ
รอจังหวะที่น้องมันเผลอๆก้มลงไปกระซิบที่ข้างหูก่อนจะผละออกมา
ขยี้ผมมันไปทีด้วยความหมันไส้แล้วถึงปล่อยไอ้ตัวแสบมันโวยวายอยู่คนเดียว
“มาอยู่กับพี่ไหม เดี๋ยวพี่ให้แม่ไปขอ พี่เหมือนจะติดกล้าแล้วว่ะ
แค่นี้ชัดพอไหม”
“อะไรของพี่เนี่ย!!!!”
-
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น